วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

   ผลงานรายวิชา ง30201  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ


ผลงานเเรก คือการสร้างตู้ พี่ตู้ๆ -_-โครตยากเลย ทำหุตาเหลือกกว่าจะได้ เพื่อนช่วยนะเนี่ยไม่งั้นไม่เสร็จเเหง่ๆ เศร้า :( 
vvv
vv
v





ผลงานชิ้นที่ 2 เเก้วกับโตีะอันนี้ตั้งใจฟังเลยทำได้เเต่ทำไมใส่สีเเล้วมันไม่ติดเหล่าตอนให้ครูดูยังติดอยู่เลย เปิดดูก็ยังมีสีไงเป็นงี้เหล่า -////- เซงเป็ด !!

vvv
vv
v




งานที่ 3 เฮ้อเห็นตัวอย่างเเล้วท้อเลยพูดกับตัวเองเลยยังไงก็ทำไม่ได้ยากเกิ๊น TT เเต่เเล้วไง เย้ทำได้ถ้าเราตั้งใจจริงๆก็ทำได้ เเต่เจออุปสรรค์มากมายกดผิดบ้าง เบี้ยวบ้าง ใหญ่บ้าง ออกเป็นสิบรอบกว่าจะเสร็จ ออกเเนวภูมิใจเเต่ ดูของคนอื่น อุ้ย !! ของมันสวยกว่า 555555
vvv
vv
v




ชิ้นต่อไปงานที่ 4 โครตงานเลยภูเขา ดึงเเล้วก็ดึงเเล้วก็ดึงดึงดึง 5555 เเปปก็เสร็จเเต่ทว่าไม่ได้เซฟส่งครูเวรกกรมเอาเครื่องบิ่นใส่เลยใจร้อนเลยต้องมานั่งลบเครื่องบินออก >< เเต่ก็นะ นี้ภูเขาหรือดวงจันทร์

vvv
vv
v





ผลงานที่ 5 ใส่เครื่องบินเเล้วก็ใส่กล้อง โห่ มายากอีกเเละเฮ้อเครียด เเต่ก็เสร็จนะ 555 Camera 1
vvv
vv
v


ผลงานที่ 6 โอ๊ะโอ้ว ตั้งกล้องตัวที่สอง Camer2 เจ้าค่ะ ><
vvv
vv
v





งานที่ 7 เเว้วจ้า โครตงานเเต่อุปสรรค์คือคอมใช้ไม่ได้เลยต้องมานั่งทำกับเพื่อนเซง กดอะไรไม่ได้เลยเเต่ก็เสร็จละ หวานเเหววเชี่ยววว  >.<  สวยเลอะ ?  555 ไม่อะ โล่งเกิน
vv
v

งานสุดท้าย โห่เสร็จเเล้วเหมือนเจอทางออกที่เเสนสุดจะมีความสุขเลยทีเดียว จบเเล้วเฟ้ย งานสุดท้ายเเล้วเฟ้ย เย้เย้ >< เเต่ต้องทำใหม่หมดเลย กล้องไม่เดิน ห้องไม่ได้เซฟ เเต่ก็เสร็จนะห้ะ เเต่งานเก่ามันสวยกว่านี้นะ เซงอีกตามเคย วุ้ว -.- !




ขอบคุณคร้บบบบ รอดเเย้ว ไปลุ้นต่อสอบปฏิบัติ TT  








อนิเมชั่น FlipBook


อนิเมชั่น FlipBook


vvvvv
vvvv
vvv
vv
v



ฟลิ๊บบุ๊ค (Flip Book) หรือเรียกง่ายๆว่า สมุดดีด คือการวาดภาพเคลื่อนไหวอย่างง่าย ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วนำภาพที่วาดทั้งหมดมาเย็บต่อกันเป็นเล่ม การสร้าง Flip Book นี้เป็นการศึกษาทดลองการสร้างภาพเคลื่อนไหวในขั้นพื้นฐานก่อนที่จะนำไปประยุกต์ เช่น การศึกษาการกระโดดของคน,การเตะ,ต่อย 9ล9 เลือกทำเพียงช่วงหนึ่งของกิจกรรมนั้นๆ
การทำ Flip Book คือการนำหลักทฤษฎีภาพติดตามาใช้ เมื่อเราเปิดภ่พด้วยความเร็ว (ดีดสมุด) จะทำให้เราเห็นว่า ภาพนิ่งทุกภาพที่วาดนั้น เกิดการเคลื่อนไหวได้ กระดาษที่ใช้ทำ Flip Book ควรเป็นกระดาษปอนด์ที่มีความหนาพอควร เพื่อความคงทนในการเก็บรักษา



อนิเมชั่นดินน้ำมัน

อนิเมชั่นดินน้ำมัน
vvvvv
vvvv
vvv
vv
v





 แอนิเมชั่น (Animation) แปลว่า การทำภาพให้เคลื่อนไหว โดยสามารถทำได้หลายวิธีไม่จำกัด ว่าจะต้องเป็นการวาดภาพเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว การนำดินน้ำมันมาปั้น ดัด เปลี่ยนรูปของดินน้ำมัน ไปเรื่อยๆ แล้วถ่ายรูปเอาไว้ทีละภาพๆ เมื่อนำภาพที่ภายมาเปิดดูอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วทำให้เกิดภาพลวงตา ดูเหมือนดิน น้ำมันมีการเคลื่อนไหวนี่ถือว่าเป็นงานแอนิเมชั่นเหมือนกัน




อนิเมชั่น 3D

อนิเมชั่น 3D

vvvvv
vvvv
vvv
vv
v





 3D Animation คือ ภาพเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ มองเห็นทั้งความสูงความกว้าง และความลึก  ภาพที่เห็นจะมีความสมจริงมากถึงมากที่สุด(ก็สุดแล้วแต่จะโชว์พาว) เช่น  ภาพยนตร์เรื่อง Toy Story  NEMO เป็นต้น
รูปแบบของ Animation มี 3 แบบ คือ
}       1.Drawn Animation คือแอนิเมชันที่เกิดจากการวาดภาพที่ละภาพหลายๆพันภาพ แต่การฉายภาพเหล่านั้นผ่านกล้องอาจใช้เวลาไม่กี่วินาที  ข้อดีของการทำแอนิเมชันชนิดนี้  คือ  มีความเป็นศิลปะ สวยงาม น่าชม  แต่ข้อเสีย  คือ  ต้องใช้เวลาในการผลิตมาก  ต้องใช้แอนิเมเตอร์จำนวนมากและต้นทุนก็สูงตามไปด้วย
}       2.Stop Motion  หรือเรียกว่า Model Animation  เป็นการถ่ายภาพแต่ละขณะของหุ่นจำลองที่ค่อยๆขยับ  อาจจะเป็นของเล่นหรืออาจจะสร้างจาก plasticine วัสดุที่คล้ายกับดินน้ำมัน  โดยโมเดลที่สร้างขึ้นสามารถใช้ได้อีกหลายครั้ง  และยังสามารถผลิตได้หลายตัว  แต่การทำ stop motion ต้องอาศัยเวลาและความทุ่มเทมาก เพราะบริษัทที่ผลิตภาพยนตร์เรื่อง James and Giant Peach สามารถผลิตได้วันละ 10 วินาทีเท่านั้น
}       3.Computer Animation  ปัจจุบันมีซอฟแวร์ที่สามารถช่วยให้การทำแอนิเมชันง่ายขึ้น เช่น โปรแกรม MAYA  3D MAX  Adobe Flash  เป็นต้น  วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดเวลาการผลิตและลดต้นทุนเป็นอย่างมาก  เช่น  ภาพยนตร์เรื่อง  Toy Story ใช้แอนิเมเตอร์เพียง 110 คนเท่านั้น





ประวัติผู้เขียนบล็อก

ประวัติส่วนตัวของฉัน





ชื่อ-สกุล :  นางสาวกัญวดี  เจียรภัทรานนท์
                                     ชื่อเล่น :  นิว ^^
                                     อายุ : กำลัง 16 ปีเเล้วเจ้า  
                                     วันเกิด :  วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2540
                                     การศึกษา : ม.4/4 โรงเรียนกระทุ่มแบน"วิเศษสมุทคุณ" 
                                     แนวเพลงที่ชื่นชอบ : สบายๆ เศร้าๆ
                                     ศิลปินคนโปรด : ขนมจีน
                                              เกมส์โปรด :  HayDay
                                              รายการโทรทัศน์ที่ชอบ : เเดนพิศวง
                                              หนังสือเล่มโปรด :  ไม่มี
                                              ภาพยนตร์เรื่องโปรด : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก 
                                              คติประจำใจ :  เก่งไม่กลัวกลัวคนขยัน
                                              เรื่องหน้าแตก: ล้มท้ามกลางผู้คน
                                              กีฬาที่ชื่นชอบ :  เเบต
                                              อาหารโปรด :  ทุกอย่าง  555555
                                              ผู้ชายในสเปค :  ผู้ชายที่สูงกว่าตัวเอง ยิ้มเก่ง
                                              ถ้าขอพรได้ 3 ข้อ อยากจะขออะไร :  ขอให้มีเเต่สิ่งดีๆเขามาในชีวิต 
                                                     คิดอะไรสมปรารถนา เจอเเต่คนดีดีๆ เเละจริงใจ  555


วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

3G คืออะไร

AIS logo for 3G
AIS logo for 3G
ย่อ
มี 2 ประเด็นหลักของโทรศัพท์มือถือระบบ "3G" ก็คือ "ความเร็วสูง" และ "ระยะการรับส่งสัญญาณที่ไกลมาก"
1- "ความเร็วสูง" พัฒนาขึ้นเพื่อให้การส่งผ่านข้อมูลที่มีปริมาณมากๆ เป็นไปได้จริง ตัวอย่างเช่น
 สื่อประสม (Multimedia) ที่เป็นวีดีโอ เป็นสื่อที่มีข้อมูลมาก เมื่อมีเทคโนโลยี 3G ความเร็วสูง การส่งวีดีโอผ่านเครื่อข่ายโทรศัพท์มือถือจึงเป็นไปได้ ตัวอย่างหนึ่งคือ Video Call หรือการคุยโทรศัพท์แบบเห็นหน้า
2- "ระยะการรับส่งสัญญาณที่ไกลมาก" เครือข่ายมือถือมีคุณสมบัติเด่นคือ ระยะการรับส่งสัญญาณระหว่างตัวเครื่องกับฐานส่งสามารถห่างกันได้ไกลหลายกิโลเมตร เมื่อมีเทคโนโลยี 3G นอกจากจะความเร็วสูงแล้ว การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายจึงทำได้ไกลกว่า Wi-Fi ที่มีระยะทำงานไม่กี่เมตร
ยาวๆ
"3G" แยกออกเป็น "3" หมายถึง Third แปลว่า อันดับที่ 3 ส่วน "G" ย่อมาจาก Generation หมายถึง รุุ่น, ยุค แปลรวมกันได้ว่า "ยุคที่ 3"
โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือโทรศัพท์ไร้สาย หรือโทรศัพท์มือถือ หรือ มือถือ แต่ละยุค เรียกว่า แต่ละ G อธิบายได้ดังนี้
โทรศัพท์มือถือ ยุค 1G -โทรศัพท์ไร้สายอนาล็อก
ก่อนที่จะไร้สาย วิวัฒนาการเริ่มมาจากโทรศัพท์บ้านที่มีสาย มีการประดิษฐ์คิดค้นที่จะรวมเอา โทรศัพท์(มีสาย) กับวิทยุ(ไร้สาย)  เข้าด้วยกัน จึงเกิดโทรศัพท์ที่ใช้สัญญาณคลื่นวิทยุ กลายเป็นโทรศัพท์ไร้สาย หรือที่เรียกกันว่าโทรศัพท์มือถือ นับเป็นการเข้าสู่ยุคโทรศัพท์มือถือ 1G เทคโนโลยีที่ใช้ช่วงนั้นคือ Analog ทับศัพท์ว่า อนาล๊อก
โทรศัพท์มือถือ ยุค 2G - โทรศัพท์ไร้สายดิจิตอล
เทคโนโลยีอนาล็อกมักจะมีข้อบกพร่องและเช่นเคย เทคโนโลยีดิจิตอลจึงถูกนำมาใช้แก้ปัญหา จึงเกิดโทรศัพท์มือถือแบบดิจิตอล กลายเป็นยุค 2G  ผลจากเทคโนโลยีดิจิตอลทั้งแก้ปัญหาและส่งเสริม ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในยุค 2G เช่น SMS หรือส่งข้อความ
โทรศัพท์มือถือ ยุค 3G - โทรศัพท์ไร้สายดิจิตอล อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
เป็นยุคดิจิตอลเหมือน 2G แต่พัฒนาด้านความเร็วเพื่อรองรับสื่อประสมที่มีขนาดใหญ่ และมีอีกเทคโนโลยีที่คู่ขนานกันมาคือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต  จึงเกิดการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเตอร์เน็ตโดยผ่านโทรศัพท์มือถือระบบ 3G ดังนั้น โทรศัพท์มือถือ ยุค 3G จึงเป็นได้ทั้งโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่มีระยะการรับส่งสัญญาณที่ไกลมากหลายกิโลเมตร

หมายเหตุ
เทคโนโลยีในที่นี้มีหลายประเภท
    • เทคโนโลยีโทรศัพท์ เช่น โทรศัพท์บ้านมีสาย โทรศัพท์มือถือ 
    • เทคโนโลยีอนาล็อก เช่น วิทยุ AM/FM
    • เทคโนโลยีดิจิตอล เช่น แผ่น CD
    • เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ เป็นต้นกำเนิดของนวัตกรรมไร้สาย เช่น รถบังคับวิทยุ, รีโมทรถยนต์, Wi-Fi, สัญญาณโทรศัพท์มือถือ
    • เทคโนโลยีสื่อประสม (Multimedia Technology) เช่น ข้อความ ตัวอักษร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงพูด เสียงดนตรี และ วีดีโอ 
    • เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น อีเมล์, เว็บไซต์, วีดีโอคอล Video Call หรือพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านอินเตอร์เน็ต
    • การส่งข้อมูลวีดีโอ เช่น Video Call ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทำได้ก่อนการส่งผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ระวังสับสนเป็นคนละเครือข่ายกัน
    • การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ทั่วไปเข้าสู่อินเตอร์เน็ตในช่วงแรกเป็นการเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ด้วยโมเด็ม(Modem) เมื่อมีเทคโนโลยีไร้สายจึงเกิดการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย เช่น Wi-Fi ด้วย เราเตอร์ (Router) แต่ในยุค 3G จะเป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเตอร์เน็ตแบบไร้สายเช่นกันแต่ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีความเร็วสูง และที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยระยะห่างหลายกิโลเมตร
    บางอุปกรณ์ใช้หลายเทคโนโลยีผสมกันเป็นอุปกรณ์นั้นๆ สำหรับในที่นี้ โทรศัพท์มือถือยุค 3G เป็นการผสมกันระหว่างเทคโนโลยีข้างต้นทั้งหมด

    Format Factory


    Format Factory (โปรแกรมแปลงไฟล์ แปลงภาพ แปลงเพลง แปลงวีดีโอ ตามต้องการ) :โปรแกรม Format Factory เป็นรวมฮิต โปรแกรมแปลงไฟล์ ทั้ง แปลงภาพ แปลงเพลง และ แปลงวีดีโอ เอาเข้าไว้ด้วยกัน โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้สามารถจัดการได้หมด อย่างเช่นไฟล์ VDO ก็สามารถแปลงไปมาได้ทั้ง MP4/ 3GP/ MPG/ AVI/ WMV/ FLV/ SWF ไฟล์ เพลง ก็ MP3/ WMA/ MMF/ AMR/ OGG/ M4A/ WAV
    หากมาดูในส่วนของ การแปลงรูปภาพ โปรแกรมแปลงไฟล์ ก็ไม่น้อยหน้าทั้ง JPG/BMP/PNG/TIF/ICO ได้หมด เท่านั้นยังไม่พอ โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้ยังทำการ Rip ไฟล์จากแผ่น CD เพลงมาเป็น MP3 ก็ยังทำได้ หรือจะจากแผ่น DVD มาทำเป็นไฟล์ VDO ตามต้องการจะเอาไปลงมือถือรุ่นไหนก็ยังเลือกได้ ครบเครื่องต้มยำอย่างนี้อย่าช้าครับ ..

    Supported Multimedia Files (ไฟล์มัลติมีเดีย ที่สนับสนุน กับ โปรแกรม Format Factory) :
    • ไฟล์หนัง (ไฟล์ภาพยนตร์) : MP4/3GP/MPG/AVI/WMV/FLV/SWF.
    • ไฟล์เพลง (ไฟล์ออดิโอ) : MP3/WMA/AMR/OGG/AAC/WAV.
    • ไฟล์รูปภาพ : JPG/BMP/PNG/TIF/ICO/GIF/TGA.

    Program Features (คุณสมบัติ ความสามารถของโปรแกรม) :
    1. โปรแกรมแปลงไฟล์ สนับสนุน แปลงไฟล์หนัง แปลงไฟล์ภาพยนตร์ แปลงไฟล์เพลง แปลงไฟล์รูปภาพ กลับไปกลับมา ได้อย่างลงตัว
    2. ซ่อมแซมไฟล์หนัง (ไฟล์ภาพยนตร์) หรือ ไฟล์เพลง ที่เสีย หรือ ไม่สามารถเปิดได้ ด้วยโปรแกรมเล่นหนัง โปรแกรมเล่นเพลง ให้กลับมาเปิดได้ ตามปกติ
    3. มีระบบ ช่วยลดขนาด ไฟล์มัลติมีเดีย (หนัง เพลง หรือ ภาพ) ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อเหมาะสมกับอุปกรณ์จัดเก็บ หรือเครื่องเล่น
    4. สนับสนุน การเล่นไฟล์บนเครื่อง iPhone / iPod touch / iPad
    5. สามารถ หมุนรูปภาพ (Rotate) ซูม (Zoom) ย่อขยายรูปภาพ
    6. สามารถ RIP หนังออกจากแผ่น DVD ลงมาเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์ได้ (DVD Ripper)
    7. สนับสนุนภาษามากกว่า 62 ภาษา (ไม่มีภาษาไทย)
    8. สนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows ทุกประเภท

    การใช้โปรแกรม Photoshop

    การใช้โปรแกรม Photoshop

    โปรแกรม Photoshop คืออะไร
    โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างภาพ และตกแต่งภาพ ซึ่งเป็นลิขสิทธิของบริษัท Adobe ซึงบริษัท Adobe มีผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์เกียวกับด้านกราฟิก มากมายเช่น Adobe illustrator สำหรับทำ ภาพเวกเตอร์ Adobe Pemiretor สำหรับตัดต่อภาพยนต์ ฯลฯ โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมตกแต่งภาพทีได้รับความนิยมมาก เนืองจากเป็นโปรแกรมทีใช้ง่าย และรองรับ Application (Plug In) เสริมได้มากมาย

    ลักษณะเด่นของ Photoshop
    1. Photoshop ทำงานเป็น Layer
    ลักษณะการทำงานของ Photoshop จะเหมือนการวางแผ่นใสซ้อนๆ กัน โดยแต่ละแผ่นจะมีการทำงาน ต่างกัน แต่เมือรวมกันแล้วจะเป็นแค่ภาพภาพเดียว แต่ละแผ่นใส(Layer) สามารถสลับไปมาได้



     
    2. รูปแบบคำสั่งเป็นแบบ Interface Enhancement ไอคอนและปุ่มคำสั่งต่างๆ จะอยู่ในรูปแบบของ Toolbox , Toolbar และ Dialog Box ซึ่งจัดไว้เป็นหมวดหมู่ โดยคลิกเพื่อใช้งาน และจะมีการตอบโต้ การใช้งานเป็นแบบ 3 มิติ คือ เมื่อคลิกปุ่มจะยุบลงไป



     

    3. สนับสนุนการทำการบนเว็บไซต์
    เนื่องจากไฟล์ภาพที่ใช้บนเว็บไซต์มีหลายประเภท และโปรแกรม Photoshop สามารถ สร้างภาพที่ใช้งานบนเว็บไซต์ได้หลากหลาย

    เตรียมเครื่องให้พร้อมก่อนใช้งาน สำหรับเครื่อง PC
    - ระบบปฏิบัติการ Windows XP , Windows Vista , Windows 7
    - CPU เพนเทียม III ขึ้นไป แรม1 28 mb เป็นอย่างน้อย
    - การ์ดจอที่แสดงสีได้ระดับ 16 bit ขึ้นไป
    - ควรใช้ จอภาพที่แสดงผลด้วยความละเอียด 800*600 ขึ้นไป
    - CD Rom สำหรับอ่านแผ่น CD

    เริ่มต้นใช้งาน Photoshop CS2
    1. วิธีการเข้าสู่โปรแกรม Photoshop Cs2 คลิกที่ไอคอนโปรแกรมดังรูป


     
    (ดับเบิ้ลคลิก ทีไอคอนดังรูปเพื่อเข้าโปรแกรมP hotoshop Cs2)


     
    2. หน้าตาของโปรแกรม Photoshop CS2





    Panel คืออะไร
    panel เป็นแถบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน ซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน เช่น panel Layer ,History และ Navigator ซึ่ง panel ที่จำเป็นในการใช้งาน จะมีดังนี้
    1. Navigator ใช้สำหรับขยายมุมมองการทำงานของพื้นที่การทำงาน
    2. History ใช้สำหรับ การย้อนกลับการกระทำต่างๆ เมื่อผิดพลาด
    3. Layer ใช้สำหรับการสร้างและลบ layer ต่างๆ


    วิธีการเปิด/ปิด Panel
    สามารถทำได้โดยไปที่เมนู Windows > แล้วเลือก Panel ที่ต้องการใช้


    ชนิดไฟล์ในโปรแกรม Photoshop

    .psd (Photoshop File) : เป็นไฟล์พื้นฐานของโปรแกรม Photoshop สามารถเก็บบันทึกข้อมูล
    คุณลักษณะต่างๆ ที่ใช้ใน Photoshop ไม่ว่าจะเป็น Layer , สี หรือ Effect ต่างๆ
    .bmp (Bitmap file) : เป็นไฟล์พื้นฐานของ Windows
    .gif (Graphic Interchange) : เป็นไฟล์ที่ใช้กันมากบนอินเตอร์เน็ต เพราะง่ายต่อการบีบอัดข้อมูล เพราะ มี
    ขนาดเล็ก
    .jpg (Joint Photographic experts Group) : เป็นไฟล์นิยมใช้บนอินเตอร์เน็ตเช่นกันจะแตกต่างกันที่ไฟล์นี้ จะ
    มีความละเอียดของภาพค่อนข้างชัดเจน


    การเปิดไฟล์
    การเรียกไฟล์ภาพหรือไฟล์ psd นำขึ้นมาใช้สามารถทำได้โดย ไปที่เมนู File > Open หรือคีย์ลัด Ctrl+O


     

    การเปิดไฟล์ก่อนหน้านี้ด้วยคำสั่ง Open Recent ไปที่เมนู File>Open Recent แล้วเลือกไฟล์ทีเคยเปิดไว้อยู่แล้วได้จากคำสั่งนี้



     

    การสร้างภาพใหม่
    นอกจากการนำภาพมาใช้งานแล้วเราสามารถสร้างภาพขึ้น มาให้ด้วยพื้นที่การทำงานที่เราสร้างได้เองด้วย โดยการไปที่เมนู File>New หรือคีย์ลัด Ctrl+N




    รายละเอียดการกำหนดขนาดพื้นที่ใหม่




    การบันทึกไฟล์
    การบันทึกไฟล์ของ Photoshop มีสองแบบคือ บันทึกเพื่อนำมาแก้ไขได้ภายหลัง และบันทึกนำไปใช้งานบเว็บไซต์

    1. การบันทึกงานเพื่อนำมาแก้ไขภายหลัง สามารถทำได้โดย ไปที่เมนู File>save as…


     

    2. วิธีการเซฟนำไปใช้บนเว็บไซต์ สามารถทำได้โดย การไปที่เมนู File > Save for Web




     
    จะปรากฏแถบข้อมูลการ Save for Web




     
    ** การเลือกประเภทไฟล์ในช่อง preset นั้นขึ้นอยู่กับงานที่จะนำไปใช้




    การใช้เครื่่องมือ Selection (Marquee Tool) ใช้ในการเลือกส่วนของรูปภาพเพื่อการคัดลอกหรือใส่effect ต่างๆ ให้กับส่วนที่เลือก และมักใช้กับ คำสั่ง Copy , Cut ,Delและ คำสั่ง paste


     

    การใช้เครื่องมือ Selection (Lasso Tool)เป็นการเลือกส่วนของรูปภาพเช่นกัน แต่จะเป็นการเลือกแบบอิสระสามารถกำหนดส่วนที่เลือกได้เอง



    การใช้เครื่องมือ Magic wand tool




    เป็นการ Selection โดยอาศัยค่าสีที่ใกล้เคียงกัน โดยโปรแกรมจะเลือกสีที่มีความคล้ายกับสีที่เลือก

    การใช้เครื่องมือในการระบายสีหรือแก้ไขภาพ
    Healing Brush Toolใช้เกลี่ยรอยต่างๆ โดยจะทำการรักษาโทนสี ความสว่างให้ใกล้เคียงกับของเดิมอัตโนมัติ เวลาใช้ต้องกด ปุ่มA lt ร่วมด้วย


    การใช้ Brush Tool





    การใช้เครื่องมือในการคัดลอกClone Stamp Tool



     
    เป็นการใช้เพื่อการคัดลอกบางส่วนของภาพให้เหมือนต้นฉบับเดิม ต้องกดปุ่มA lt ร่วมด้วย




     

    การใช้ Paint Bucket Tool ใช้สำหรับการเติมสีลงวัตถุที่ต้องการ




     

    การลบวัตถุด้วย Eraser Tool ใช้ในการลบวัตถุที่ต้องการ


     

     

    เครื่องมือในการพิมพ์ตัวอักษร สามารถพิมพ์ข้อความหรือตัวอักษรได้ จาก Type Tool



     

    เครื่องมือในการวาดรูปทรง Shape Tool



    การเลือกสีโดยใช้ Eyedropper Tool
    การเลือกสีโดยใช้ Eyedropper นั้นเป็นการเลือกสี ที่เราไม่ทราบเฉดสีที่แน่นอนทำให้ยากต่อการเลือกเราจึงใช้เครืองมือนีในการดูดเฉดสีทีเราต้องการจากต้นฉบับโดยใช้เครื่องมือนี้ได้


     

    การเลือกสี Foreground และ Backgroud เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเลือกสีที่ต้องการ



     

    การทำ Effect ให้กับ Layer
    การเติม Effect ต่างๆให้กับ Layer และรูปภาพ เช่น การใส่เส้นขอบ การทำตัวนูน การใส่เงา ฯลฯ สามารถทำได้โดย การไปที่เมนู Layer > Layer Style > แล้วเลือก effect ที่ต้องการ